* CHIANG SAEN * CHIANG SAEN * CHIANG SAEN * CHIANG SAEN * CHIANG SAEN *
ห่างจากที่ว่าการอำเภอเชียงแสนไปทางทิศใต้ประมาณ ๓ ก.ม. เป็นที่ตั้งของเวียงเก่าแก่เวียงหนึ่ง เป็นเวียงที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของล้านนาไทยอยู่มิใช่น้อย เพราะที่เมืองนี้เป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่มีการปกครองแบบ"ประชาธิปไตย"เวียงนี้มีชื่อในอดีตว่า"เวียงปรึกษา "เพราะก่อนจะทำอะไรลงไปต้องมีการประชุมปรึกษาหารือกันก่อนทุกครั้ง ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า"เชียงแสนน้อย"มีเรื่องเล่าถึงเหตุการณ์ที่จะตั้งเมืองนี้ว่า
เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๑๐๘๘ (มหาศักราช ๔๖๗ ) พระเจ้ามหาไชยชนะเสวยราชย์ครองเมืองโยนกไชยบุรีได้๑ปี อยู่มาวันหนึ่งเป็นวันเสาร์เดือนเจ็ด แรมเจ็ด ค่ำ มีราษฎรพวกหนึ่งไปหาปลาที่ แม่น้ำกก ได้ปลาไหลเผือกตัวหนึ่ง ขนาดใหญ่เท่าลำตาล ยาวประมาณ ๗ วา ก็พากันทุบตีให้ตาย แล้วนำไปถวาย พระเจ้ามหาไชยชนะๆ ทรงโปรดให้แล่เนื้อแจกกันกินทั่วเมือง ครั้นค่ำลงในยามต้น แผ่นดินดังสะท้านสนั่นหวั่นไหวครั้งหนึ่งแล้วเงียบหายไป พอตกเข้ามัชฌิมยามก็ดังสนั่นลั่นเลื่อนอีกครั้งหนึ่ง พอล่วงเข้าปัจฉิมยามก็ดังกึกก้องเป็นคำรบสาม แล้วเมืองโยนกนคร ไชยบุรีก็ทรุดล่มลงกลายเป็นหนองน้ำใหญ่ บรรดาพระเจ้าแผ่นดินและขัตติยวงศาข้าราชบริพารและราษฏรทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้น ก็ถึงแก่กาลดับขันธ์ไปทั้งหมด คงยังเหลือแต่เรือนหญิงหม้ายหลังหนึ่งที่ขอบหนอง ที่เมืองล่มนั้น ปัจจุบันเรียกเมืองหนอง ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน ส่วนที่เรือนหญิงหม้ายตั้งอยู่นั้น เรียกว่า ดอนแม่หม้าย
ครั้นรุ่งเช้า ขุนพันนาและชาวบ้านที่ตั้งอยู่นอกเมือง ก็พากัน ไปดูและถามหญิงหม้ายนั้นเล่าให้ฟังว่า เวลาพลบค่ำมีมานพ หนุ่มน้อยผู้หนึ่ง มาจากที่ใดไม่แจ้ง มาขอพักอาศัยที่เรือนหญิงหม้ายนั้น ได้กลิ่นชาวเมืองแกงปลาไหลเผือกที่จับเอามาก็ถามว่า ชาวเมืองนี้เขาเอาอะไรมากินกันถึงมีกลิ่นหอมนัก หญิ่งหม้ายนั้นจึงตอบว่า เขาแกงปลาไหลเผือกกัน มานพจึงถามอีกว่า ป้าไม่ได้กินกับเขาหรือ หญิงหม้ายตอบว่าป้าเป็นคนชรา เป็นแม่หม้ายไม่มีลูกไม่มีหลาน จึงไม่มีใครเขาเอามาให้กิน มานพนั้นจึงกล่าวกับหญิงหม้ายว่า ป้าไม่ได้กินก็ดีแล้ว อย่าได้พูดจาไปข้าจะไปเที่ยวยามหนึ่งก่อนภายหลังมีเหตุการณ์ประการใด หากไม่เห็นข้าผู้หลานกับมา อย่าได้ลงเรือนเป็นอันขาด เมื่อสั่งหญิงหม้ายเช่นนั้นแล้ว มานพหนุมนั้นก็ลงจากเรือนไป สักครู่ใหญ่ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นแล้วหายเงียบไปถ้วน ๓ ครั้ง ครั้นแลไปในเมืองก็มองเห็นแต่น้ำ ในตัวเมืองได้ล่มจมลงไปหมด
ขุนพันนาและชาวบ้านทั้งหลายได้ยินดังนั้น ก็รับเอาหญิงหม้ายไปเสี้ยงไว้ และพวกเขาก็ประชุมกันเลือกเอานายบ้านคนหนึ่งชื่อ ขุนลัง ยกให้เป็นประธาน แล้วสร้างเมืองใหม่ขึ้นริมฝั่งแม่น้ำโขงทางทิศตะวันตก (เป็นทิศตะวันออกเวียงเก่าที่ล่มไป) ตั้งหลักเมืองในวันอังคารเดือนแปด ขึ้นเจ็ดค่ำ ปีเมิงเหม้า คือปีเถาะ มหาศักราชได้ ๔๖๗ (พ.ศ.๑๐๘๘) ให้ชื่อเมืองว่า เวียงปรึกษา หลังจากที่ขุนลังถึงแก่กรรมไปแล้วได้ผลัดเปลี่ยนประธาน หรือประธานนาธิบดีอีกหลายชั่วคน และเป็นเวลาติดต่อกันถึง ๙๓ปี จนถึงสมัยพระเจ้าอนุรุธมหาราชแห่งอาณาจักรพกามแผ่อำนาจครอบงำทั่วทั้งล้านนาไทย และแหลมทอง เวียงปรึกษาก็ได้ตกอยู่ในอำนาจของพระเจ้าอนุรุธมหาราชด้วย
เวียงปรึกษาหรือเชียงแสนน้อย
สารบัญ
ขอให้คุณเขียนจดหมายมาหาเรา
ให้คุณใช้ตู้ไปรษณีย์ได้ที่นี้
Schreiben Sie an Thailand online!
Mail to Thailand online!
Hier ist der Briefkasten für die Besucher von Thailand online:
Here is the Mailbox for the visitors of Thailand online:
Zu den Seiten der Bergvölker von Nord-Thailand:
Zur Seite der Karen: | Zur Seite der Hmong: |
Zu den Seiten über die thailändische Sprache:
Zurück zur Willkommens-Seite:
copyright 1996 - 2005 © thailand publications, switzerland